04 เมษายน 2557

การมัดย้อม (Tie - Dyeing)


               คำว่า Tie-Dye  ดัดแปลงมาจากคำว่า Tie and Dye  แหล่งกำเนิดการผลิตไม่ปรากฏชัด  สันนิษฐานกันว่า  เป็นเทคนิคการผลิตลวดลายบนผืนผ้าแบบหนึ่งที่เก่าแก่มาก 

                Tie and Dye  เป็นการทำลวดลายบนผืนผ้าแบบต่อต้าน  Resist Dyeing  มีหลักเกณฑ์ในการทำคล้ายๆ กับการทำผ้าปาเต๊ะ  จะต่างกันก็ตรงที่อาศัยเส้นด้ายหรือเชือกมัดผืนผ้าบางส่วนไว้  แรงมัดในเส้นด้ายจะมีผลทำให้เกิดความกดดันขึ้นในบริเวณนั้น  และป้องกันมิให้สีแทรกซึมเข้าไปติดบริเวณดังกล่าวได้  การย้อมชนิดนี้คล้ายคลึงกับการย้อมสีแบบมัดหมี่  ซึ่งเป็นงานฝีมือในการทอผ้ามัดหมี่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

วัสดุที่ใช้ในการทำผ้า Tie-Dye
-  วัสดุหรือผ้าที่ใช้ทำ Tie-Dye  ได้แก่ ผ้าที่ทำจากฝ้าย  ป่าน  ปอ  ลินิน  ไหม  ขนสัตว์  เรยอน  โพลีเอไมด์  โพลีเอสเตอร์ ฯลฯ  เช่น ผ้าดิบ  ผ้ามัสลิน ฯลฯ
-  เส้นด้าย, เชือกฟาง, หนังสติ๊ก, เศษสตางค์, ฝาขวด, ที่หนีบผ้า, ก้อนหิน, ฯลฯ
-  สีเคมี และ อุปกรณ์ที่ใช้ในการมัดย้อม  (ดูเรื่องกรรมวิธีการย้อมสี)

ลำดับขั้นการทำ
1.  การเตรียมผ้า  ผ้าขาวหรือผ้าสีที่ขายตามท้องตลาด   ปัจจุบันมักตกแต่งด้วยแป้งหรือเรซิน เพื่อผลทางการค้า  จึงควรกำจัดออกเสียก่อนโดยใช้สารเคมีดังนี้
                โซดาแอส                                             1  กรัม/ลิตร
                โซดาไฟ                                                1  กรัม/ลิตร
                สบู่เทียม                                                1  กรัม/ลิตร 

2.  การเตรียมลวดลาย  อาจใช้ดินสอ หรือ ชอล์คสีอ่อนๆ  ร่างลวดลายเบาๆ บนผืนผ้า

3.  การมัดผ้า  วิธีในการทำให้เกิดลวดลายต่างๆ บนผืนผ้า  จะแตกต่างกันออกไปตามเทคนิคในการมัด  ซึ่งมีอยู่หลายวิธี  เช่น
                Marbling               โดยการขยำผ้าทำเป็นก้อนกลมๆ หรือ รี แล้วใช้เชือกพันมัดไว้โดยรอบ
                Tying                     โดยการยึดเอาบริเวณใดบริเวณหนึ่งของผืนผ้าเป็นศูนย์กลาง  รวบปลายที่เหลือแล้วดึงให้ตึง  ใช้เชือกพันรัดโดยรอบบริเวณที่ต้องการจะให้เกิดเป็นตัวลวดลาย  การมัดลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะได้ลวดลายเป็นรูปวงกลม
                Folding                  โดยการพับผ้าตามแนวใดแนวหนึ่งของผืนผ้า วางเรียงซ้อนๆ กัน (แบบหีบเพลง)  ดึงปลายทั้งสองข้างให้ตึงแล้วใช้เชือกพันรัดบริเวณที่ต้องการจะให้เกิดเป็นตัวลวดลาย
                                                นอกจากที่กล่าวมา  ยังอาจใช้วัตถุบางอย่าง  เช่น ก้อนกรวด  ก้อนหิน  กระดุม  ฝาขวด  เศษสตางค์ ฯลฯ  เป็นจุดศูนย์กลางได้อีกด้วย
                Stitching                โดยการใช้เชือก หรือ เส้นด้าย เนาไปบนผืนผ้า หรือ เย็บเป็นลวดลายที่ออกแบบไว้ต่อๆ กันไปจนด้ายที่สอยหรือเนามาบรรจบกัน  จากนั้นดึงรวบเส้นด้ายที่สอยมาใช้ชิดกัน 

4.  การย้อมสี   ทำได้ทั้งแบบย้อมโดยใช้ความร้อนสูง และย้อมที่อุณหภูมิห้อง  จะทำลวดลายกี่สีก็ได้ในผืนผ้าเดียวกัน  ในกรณีที่ต้องการทำลวดลายหลายสี  ภายหลังจากการมัดและย้อมสีแรกเสร็จ  ให้นำมาทำการมัดเพิ่มอีกครั้ง  โดยการมัดปกปิดสีส่วนที่ต้องการไว้  จากนั้นให้นำไปย้อมสีใหม่ที่ต้องการอีกครั้ง  ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อยจนกว่าจจะได้ลวดลายและสีครบตามที่ต้องการ
                   ในการทำลวดลายหลายๆ สี  โดยใช้สีย้อมเพียงสีเดียว  อาจทำได้โดยอาศัยลักษณะการมัดซ้ำๆ  ในด้านการย้อมอาจทำได้โดยการเริ่มต้นย้อมด้วยสีที่อ่อนๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มเปอร์เซนต์ความเข้มของสีย้อมขึ้นเรื่อยๆ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

By :
Free Blog Templates