01 กรกฎาคม 2558

พอเรียนจบปีแรกก็ได้ซื้อประกันเลยค่ะ จากเงินเดือนปีแรกของตัวเอง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก แต่ได้เรียนรู้จากสมุดประกันฉบับแรกนั้น อ่านรายละเอียด ผลประโยชน์ และคิดแบบลองผิดลองถูกจากผลประโยชน์ที่จะได้รับ และนำมาเปรียบเทียบหากเอาเงินที่ต้องจ่ายค่าประกันมาฝากธนาคาร อย่างไหนได้ผลประโยชน์ดีกว่ากัน เรียกได้ว่าเปรียบเทียบลงรายละเอียดกันเลยทีเดียว


สรุปเลยนะคะ

ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ เป็นการลงทุนแบบซื้อความเสี่ยงให้ตัวเอง หากต้องนอนโรงพยาบาลก็ไม่ต้องใช้เงินก้อนโต ประกันเค้ารับผิดชอบไปส่วนหนึ่งในวงเงินที่เราทำ (เวลาคนมาขายประกัน เค้าจะพูดแต่สิ่งที่ดีเท่านั้น อย่างเช่นว่า ไม่สบายไปหาหมอ เราไม่ต้องจ่าย ประกันดูแลให้ แต่เค้าไม่พูดว่า ดูแลให้แค่ไหนเท่าไร เราก็ไม่รู้ จนกว่าจะเกิดขึ้นจริงให้ได้ศึกษา)  เป็นเงินที่เราต้องจ่ายแบบศูนย์เปล่าในแต่ละปี และสัญญาจะเป็นแบบปีต่อปีด้วย บริษัทประกันมีสิทธิ์ไม่รับต่อสัญญาหรือเพิ่มเบี้ยประกันในปีต่อไปหากเรามีการเคลม (เหมือนประกันรถยนต์)

ประกันชีวิตแบบประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ   เราต้องจ่ายมากกว่าแบบแรกเพราะพ่วงประกันชีวิตไว้ด้วย ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ หลายเงื่อนไขแล้วแต่เราเลือก ปัจจุบันหม่ามี๋ทำแบบ จ่าย 20ปี คุ้มครองชีวิตตลอดชีพ (แค่ชีวิตนะคะ ไม่เกี่ยวกับสุขภาพและอุบัติเหตุ ซึ่งจำกัดระยะเวลาคุ้มครอง) ในวงเงิน 300,000 บาท ถ้าจ่ายตลอดครบ 20 ปี ต้องจ่ายทั้งหมดประมาณ 400,000 กว่าบาท ค่ะ  สามแสนบาทนี่เราไม่ได้ใช้หรอกนะคะ ผู้รับผลประโยชน์ได้ไปค่ะ ประกันแบบนี้บริษัทประกันไม่มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญากลางคัน แต่..ดูรายละเอียดในสัญญาดีๆนะคะ มันมีเงื่อนไขบางอย่างอยู่ เรานำไปลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท

ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ (ที่นำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000บาทต่อปี) เมื่อ 15 ปีก่อน จ่ายเบี้ยอยู่ที่ ประมาณ 11% ของวงเงิน  5ปีให้หลัง หากจะซื้อฉบับใหม่เบี้ยประกันอยู่ที่ประมาณ 12-13%  ปัจจุบันไม่รู้เหมือนกันว่าค่าเบี้ยประกันเป็นเท่าไรแล้ว  หม่ามี๋ซื้อเมื่อ 15ปีก่อน ถ้าเปรียบเทียบผลประโยชน์เป็นตัวเงินเม็ดต่อเม็ดเลยนะคะ ว่าถ้าเอาเงินที่จ่ายค่าประกันมาฝากธนาคารแทน ดอกเบี้ยจะอยู่ที่เท่าไร ก็อยู่ที่ประมาณ 4% กว่าๆ ค่ะ (ไม่รวมเงินที่เราได้ลดหย่อนภาษีในแต่ละปีอีกนะคะ)  หากซื้อประกันตัวนี้ ณ.ราคาปัจจุบัน ก็น่าจะเพื่อลดหย่อนภาษีเป็นหลัก ส่วนเงินที่จ่ายค่าประกันมาคำนวนเปรียบเทียบกับนำมาฝากธนาคารแทน คิดเล่นๆ ดอกเบี้ยน่าจะอยู่แค่ประมาณ 1% เท่านั้น  แต่อย่างไรก็ตาม, หม่ามี๋ก็เห็นประโยชน์ของการลงทุนแบบนี้  ว่าเหมาะกับคนที่เก็บเงินไม่ค่อยอยู่คะ เป็นการบังคับตัวเองให้ออมเงินไปในตัว  พอครบสัญญาเราก็จะได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย เป็นเงินเก็บไว้ใช้จ่ายยามเกษียณค่ะzz

ความคิดเห็นส่วนตัวเล็กๆ มักจะมีคนบอกว่าฝากประกันได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดหนึ่งแสนบาท หากฐานภาษีอยู่ที่ 10% เท่ากับดอกเบี้ยเงินฝาก 10% เชียว ดีกว่าฝากธนาคารอีก แต่หม่ามี๋คิดต่างกันออกไปค่ะ คือว่า 10%ของการลดหย่อนภาษี นี่เป็นอัตราคงที่ ยังไงก็ได้แค่หมื่นเดียวทุกปี แต่ฝากธนาคารแบบไม่ถอนเลยปีละแสน ดอกเบี้ยมันจะทวีคูณ คิดจากดอกเบี้ยเงินฝาก 2% ปีแรกได้ดอกเบี้ย 2000, ปีต่อมา 4000,…, ครบปีที่ 20 ได้ดอกเบี้ย 40,000 บาท ดอกเบี้ยเงินฝากรวมครบ 20ปี = 420,000 บาท ขณะที่ ภาษีคืนทั้งหมด = 200,000 บาท  (ถ้าฐานภาษีอยู่ที่ 20% ขึ้นไปก็คุ้มอยู่นะคะ) หากมีคนเก่งคำนวนมาอ่านตรงจุดนี้, คงจะมีข้อกังขาอยู่ว่าไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะยังไม่ได้หักภาษีเงินฝาก 15%, เงื่อนไขในการคำนวณไม่ครบถูกต้องทั้งหมดในสภาวะเงื่อนไขเดียวกัน และ บลาๆๆ  หม่ามี๋ขี้เกียจค่ะ เอาแค่คร่าวๆก็พอ  บอกแล้วว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเล็กๆ  

การซื้อประกันก็มีอยู่หลายบริษัทให้เลือกนะคะ  วิธีการเลือกของหม่ามี๋คือ ให้คนขายส่งรายละเอียดมาให้เราพิจารณาดูก่อนล่วงหน้าค่ะ  ทั้งค่าประกัน รายละเอียด และผลประโยชน์ ถ้ามาพูดเดี๋ยวนั้นแล้วให้ตัดสินใจเดี๋ยวนั้น หรือวิธีการขายผ่านโทรศัพท์แล้วให้ตัดสินใจเลยทันที  ไม่เอาแล้วค่ะ เคยซื้อแล้วและพอมาพิจารณาอีกทีภายหลัง ผลปรากฏว่า ไม่ใช่อย่างที่ต้องการ และด้วยระยะเวลาจำกัด ทำให้เราตัดสินใจพลาดได้ง่าย  เสียเงินโดยใช่เหตุ (ย้ำค่ะว่าคนขายประกันจะพูดแต่สิ่งที่ดี แต่ไม่บอกเงื่อนไขทั้งหมดจนกว่าเราจะได้อ่านเอกสารเอาเอง )

การซื้อประกันก็เหมือนการซื้อความไว้เนื้อเชื่อใจ เราควรจะดูความเชื่อมั่นและความมั่นคงของแต่ละบริษัทก่อนตัดสินใจ หากเราซื้อกับคนขายประกันที่ดี เวลาที่มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ คนขายประกันเขาจะได้ช่วยดำเนินเรื่องให้  ไม่เช่นนั้น เราอาจจะต้องเสียเวลาในการติดต่อและไม่ได้รับความสะดวกสบายในการดำเนินเรื่อง

มาถึงตรงนี้ คงมีคนงงกันบ้างว่าตกลง คุ้มหรือไม่คุ้ม ดีหรือไม่ดี แล้วแต่จะพิจารณาค่ะ สำหรับหม่ามี๋แล้วถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงในอนาคตค่ะ ลองพิจารณากันนะคะว่าการซื้อประกันจำเป็นหรือดีสำหรับคุณหร

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

By :
Free Blog Templates