11 มีนาคม 2557



เสื้อผ้ามีอิทธิพลต่อการพัฒนาการของเด็กเป็นอย่างยิ่ง  เสื้อผ้าเด็กที่ดีควรสวมใส่แล้วเด็กรู้สึกสบาย เคลื่อนไหวได้สะดวก เหมาะสมกับวัยและกิจกรรม สวมใส่และถอดง่าย มีอายุการใช้งานที่คุ้มค่า ดูแลรักษาง่าย และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย
                ในการเลือกเสื้อผ้าเด็ก นอกจากคำนึงถึงความสวยงามแล้ว ควรพิจารณาถึงชนิดของผ้าที่ใช้ทำเสื้อผ้าเด็ก หรือ วัสดุตกแต่ง  ผ้าต้องไม่ระคายผิว มีน้ำหนักเบา และ ประการสำคัญ คือ ไม่ติดไฟง่าย  ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีกฎหมายบังคับเกี่ยวกับผ้าที่จะนำมาทำเสื้อผ้าเด็ก ว่าจะต้องเป็นผ้าที่ติดไฟยาก  ผ่านกรรมวิธีชะลอการติดไฟ (วิธีทดสอบง่ายๆ คือ ตัดผ้า 2” x 3” หนีบไว้ด้วยปากคีบ จุดไฟจ่อทำมุม 45 องศา เป็นเวลา 3 วินาที ถ้าผ้านั้นติดไฟลุกไหม้เยิ้มเหลวและเดือด ไม่ควรใช้ผ้านั้น หากติดไฟแล้วดับเป็นเถ้าในเวลา 4 วินาที ผ้านั้นปลอดภัย) หรือ อังกฤษ มีกฎหมายห้ามการใช้สารเคมีบางตัวที่อยู่ในสีพิมพ์หรือสีย้อมกับเสื้อผ้าเด็ก เพราะอาจระคายเคือง และเป็นสารก่อเกิดมะเร็ง  แต่บ้านเรายังไม่มีกฎหมายลักษณะนี้  ผู้ปกครองจะต้องเลือกผ้าที่เหมาะสมด้วยตนเอง
                เด็กเล็กๆ ไม่สามารถแยกความแตกต่างของเสื้อผ้าด้านหน้าและด้านหลัง  เราจึงพบว่าเด็กใส่เสื้อกลับอยู่บ่อยๆ การติดกระเป๋าหรือมีลวดลายที่ด้านหน้าของเสื้อผ้า จะเป็นเครื่องหมายให้เด็กสังเกตได้
ระยะนี้เด็กเติบโตเร็วทางด้านสูง น้ำหนักอาจขึ้นหรือไม่ก็ได้ (บางรายน้ำหนักขึ้นแต่ส่วนสูงไม่ขึ้น)  ดังนั้นจึงควรจัดเสื้อผ้าที่ใช้ได้หลายโอกาส  และเป็นแบบที่ใส่ได้นาน เพื่อให้คุ้มค่า ไม่ควรเลือกเสื้อผ้าอย่างดีเกินไป เพราะเด็กจะต้องระวังมาก ทำให้เป็นกังวล  
               
แบบเสื้อที่เหมาะสมกับเด็กวัยก่อนเรียน  ควรคำนึงถึงสุขภาพ และความสะดวกในการสวมใส่ เช่นเดียวกับเด็กวัยคลาน  เป็นแบบที่เด็กสวมได้เองโดยง่าย เพื่อสนับสนุนให้เด็กแต่งตัวเอง เช่น ถอดกระดุม ใส่กระดุม ตั้งแต่อายุ 2 ½ ปี ดังนั้นกระดุมจึงควรอยู่ด้านหน้า เสื้อแต่ละตัวแบบคล้ายคลึงกัน เด็กจะได้ไม่สับสน และควรมีความแตกต่างของหน้าและหลัง  เช่น มีกระเป๋า หรือ ปักที่ด้านหน้า
                กางเกงที่กลัดกระดุมกับเสื้อ ทำให้เด็กถอดหรือใส่เองได้ยาก  เพราะมีกระดุมข้างหลัง ในบางครั้งอาจทำให้ไปห้องน้ำไม่ทัน เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน
                กางเกงติดยางยืดที่ขอบเอว 2 ข้าง หรือ รอบเอวดีกว่ากางเกงที่มีขอบเอว และติดซิป เหมาะที่จะให้เด็กได้ทำกิจกรรมด้วยตนเอง
                แบบเสื้อควรแขวนลงมาจากไหล่ ไม่จำเป็นต้องต่อเอว (สำหรับกระโปรงติดกัน) เพราะเมื่อสูงขึ้น เอวกระโปรงจะลอย
                คอเสื้อหลวมพอสมควร ไม่ชิดคอเกินไป
                เด็กชอบมีกระเป๋าที่เสื้อผ้า ควรอยู่ในที่ล้วงง่าย และเย็บด้วยวิธีที่ไม่ขาดง่าย  ไม่ควรทำเครื่องตกแต่งรุงรัง
                ตะเข็บทุกแห่งต้องเรียบ และทนทาน  บางครั้งการสำเร็จตะเข็บ จะช่วยยืดอายุการใช้งาน
                ใช้ผ้าที่ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ผ้าที่เส้นด้ายเกลียวแน่น ทอแน่น ผ้าทอลายสอง เช่น ผ้ายีนส์ (เลือกอย่างเนื้อนุ่ม) ผ้าลูกฟูก ผ้ากาบาร์ดีน เหมาะที่จะใช้ทำกางเกงและเสื้อกันหนาว
                ผ้าตัดเสื้ออาจใช้ผ้ายืดหรือผ้าย่น  ผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ เลือกผ้าที่สีไม่ตก
                สีของเสื้อผ้า ควรเป็นสีที่พรางรอยเปื้อนที่ซักไม่ออกได้  เพราะเด็กขนาดนี้ ยังไม่รู้จักระมัดระวังในการรักษาความสะอาด

การเลือกผ้าให้เหมาะสมกับบุคลิก  เป็นเรื่องสำคัญในการปลูกฝังนิสัยการแต่งกายให้กับเด็ก ให้เด็กมีส่วนในการเลือกเสื้อผ้าของตนเองบ้าง  เช่น เลือกสีที่เขาชอบ โดยผู้ใหญ่ช่วยแนะนำเรื่องกระบวนสีที่เข้ากับเสื้อผ้าเพื่อโอกาสต่างๆ  การใช้เสื้อผ้ากับเครื่องประกอบ เช่น รองเท้า โบว์ ให้ไปกันได้ดี
                ไม่พยายามแต่งตัวเด็กให้แปลกจากเพื่อนมากนัก  แต่ไม่ควรแต่งตัวให้เหมือนกันทุกอย่าง แม้แต่จะเป็นฝาแฝด นอกจากเด็กจะต้องการเอง
                เด็กชอบเลียนแบบดารา  ดังนั้นจึงอาจเลือกส่วนที่ดีในการแต่งกายมาแนะนำเด็ก หรือกระตุ้นให้เด็กทำสิ่งที่ดีได้

แบบเสื้อเพื่อให้ใช้ได้นาน   การซื้อเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับเด็ก  ไม่ใช่เป็นการประหยัด  แต่จะทำให้เกิดผลร้ายต่อจิตใจของเด็กอีกด้วย  ที่กล่าวว่าให้ซื้อเสื้อผ้าเผื่อการเจริญเติบโตไม่ได้หมายถึงให้ซื้อเสื้อผ้าขนาดใหญ่  เพราะเสื้อผ้าที่หลวมเกินไป เมื่อใส่ตอนแรกก็รุ่มร่าม และกว่าจะเติบโตใส่ได้พอดี เสื้อผ้านั้นก็เก่า สีซีดไปแล้ว
                นอกจากนั้นเสื้อผ้าที่หลวมมากเกินไป อาจทำให้เด็กเกิดความรำคาญ ไม่มีความสุข หรืออาจเกิดอันตราย เช่น หกล้ม อย่างไรก็ตามแบบเสื้อที่ใส่ได้นาน  แต่ดูไม่รุ่มร่าม  ควรพิจารณาถึงหลักต่อไปนี้
เผื่อสูง  เด็กระยะสองขวบขึ้นไปมักสูงขึ้นเร็วกว่าทางรอบตัว   จึงควรวางแผนของแบบเสื้อผ้าที่จะแก้ไขได้เมื่อสูงขึ้น  เช่น
1.  เผื่อตรงบ่า ได้แก่ กางเกงหรือกระโปรงที่มีสายพาดไหล่ เผื่อความยาวของสายไว้ให้เลื่อนได้
2.  เผื่อพับชายกระโปรง หรือ กางเกง ให้กว้าง เลาะลงได้เมื่อต้องการ
3.  ชายเสื้อเดี่ยว  ที่มีกระดุมเพื่อกลัดติดกับกระโปรงหรือกางเกง ควรให้มีความยาวพอที่จะเลื่อนกระดุมลงได้ เมื่อเด็กสูงขึ้น
4.  กระโปรงของเด็กหญิงอาจพับเกล็ดตามขวางเป็นขั้นๆ เพิ่มขนาดความกว้างของเกล็ดแต่ละเกล็ดลงไปตามชายกระโปรง เป็นการตกแต่ง และเมื่อต้องการให้ยาวก็เลาะลง อาจหาเทปหรือลูกไม้เย็บทับเพื่อซ่อนรอยเลาะนั้น
5.  หาผ้าอื่นที่สีและผิวสัมผัสเข้ากัน หรือลูกไม้ เทป ฯลฯ  มาต่อชายหรือแทรกเป็นชั้นๆ
6.  ความยาวของแขนเสื้อก็อาจใช้วิธีตามข้อ 2, 4, 5 ได้
เผื่ออ้วน  แบบเสื้อที่เผื่อโตทางรอบตัว ทำได้ดังนี้
1.  ตัวเสื้อหลวมพอสมควร ไม่พอดีจนแนบตัว
2.  ขอบกระโปรงหรือกางเกงใส่ยางยืด
3.  ตัดเสื้อไม่มีแขน ให้วงแขนกว้างพอควร
4.  แขนเสื้อแบบ Raglan และ Kimono (แขนต่อแบบแขนเสื้อม่อฮ่อม) ไม่กำหนดความกว้างของไหล่ที่แน่นอน  เมื่อเด็กโตขึ้น แขนเสื้อจะไม่ตึงรั้ง
5.  เสื้อเด็กผู้หญิง  คอกลมกว้าง รูดที่คอด้วยไส้ไก่  ตัวเสื้อหลวมจะขยายได้
                  
การยืดอายุการใช้เสื้อผ้า   นอกจากแบบที่วางแผนให้ใส่ได้ระยะยาวแล้ว มีวิธีการบางอย่างที่จะทำให้เสื้อผ้าทนทาน  มีอายุการสวมใส่ได้นานขึ้น  ดังนี้
1.  ก่อนใช้ ย้ำตะเข็บบางแห่งที่ขาดง่าย เช่นตะเข็บเป้ากางเกง อาจเย็บล้มตะเข็บ เย็บซ้ำตะเข็บใต้แขน (ตะเข็บย้ำ หรือ เย็บ 2 -3  ครั้ง แต่อย่าแทงเข็มในรอยเดียวกัน จะทำให้ขาดง่าย เย็บให้ห่างกัน 1 – 2 mm เพื่อให้ตะเข็บแข็งแรง และ ทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย
2.  ขอบต่างๆ เช่น ขอบแขนเสื้อ จะขาดง่าย เมื่อถูไถมากๆ จะทำให้แข็งแรงขึ้นได้โดยดามผ้ารอบ หรือเดินจักรทับตะเข็บเป็นตะเข็บตกแต่ง  หรือจะติดเทปโดยรอบก็ได้
3.  ปะผ้าเป็นลวดลายสวยๆ ตรงเข่าที่ขากางเกง เป็นการตกแต่งและทำให้ส่วนนั้นหนาขึ้น

ข้อแนะนำทั้งหลายที่กล่าวมานี้ นำไปใช้ได้กับเสื้อผ้าเด็กทุกวัย (นอกจากเด็กอ่อน)  แม้แต่หนุ่มสาววัยรุ่น


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

By :
Free Blog Templates