03 มีนาคม 2557
ไหมเป็นใยที่ได้จาก
รังของหนอนไหม
จัดเป็นเส้นใยที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงทั้งในการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม
การสาวเส้นไหมและการผลิตผ้าไหม
ประวัติ
จีนเป็นชาติแรกที่รู้จักการเลี้ยงตัวไหมและสามารถเอาใยจากรังของหนอนไหมมาทอเป็นผ้า ผู้ที่จีนยกย่องให้เป็น “เจ้าแม่สายไหม” คือ พระนางง่วนฮุยหรือศรีลินศรี
เพราะเป็นผู้ที่ทรงคิดค้นหาวิธีการสาวเอาใยไหมออกมาทอเป็นผืนผ้าและนำไปทำเสื้อให้องค์จักรพรรดิทรง
เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว
ไหมไทย
คนไทยที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนเป็นชาติที่รู้จักการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมพื้นเมือง รู้จักย้อมสี ทอผ้าไหมมานานนับพันปี จะเห็นได้จากผ้าของพวกไทยยวน ไทยลื้อ
ซึ่งมีถิ่นฐานทางตอนเหนือของไทยต่อกับประเทศจีนและลาว มาจนสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้ทรงมีพระราชดำริและโปรดเกล้าให้มีการเลี้ยงไหมขึ้นในปี
พ.ศ.2444
นับจากนั้นมาวิทยาการทางด้านเลี้ยงไหมก็เจริญมากขึ้น มีการนำพันธุ์ไหมจากต่าง
ประเทศมาทดลองเลี้ยง
มีการศึกษาพันธุ์ลูกผสมและการจัดตั้งศูนย์ไหมขึ้นในบริเวณที่มีการเลี้ยงไหม เพื่อศึกษาค้นคว้าหาความรู้และนำไปส่งเสริมเกษตรกร
มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมส่งเสริมการเลี้ยงไหมทั้งในหน่วยราชการและเอกชน
เช่น บริษัท จุลไหมไทย จ.เพชรบูรณ์
ผ้าไหมไทยที่ผลิตใช้กันตามชนบทจะเป็นไหมไทยสาวมือล้วนทั้งผืน
แต่ไหมไทยที่ผลิตเชิงการค้าไหมยืนจะเป็นไหมสาวเครื่อง ซึ่งแต่ก่อนต้องสั่งซื้อจากญี่ปุ่น จีน เกาหลี
ปัจจุบันไทยสามารถผลิตไหมยืนสาวเครื่องได้เองบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการของตลาด
สำหรับไหมพุ่งจะเป็นไหมสาวมือจากไหมพันธุ์ไทยและพันธุ์ผสม ซึ่งในปัจจุบันก็มีการสาวด้วยเครื่องแล้ว
รังไหมมีตั้งแต่สีขาว
เหลืองจัดจนกระทั่งสีเขียวอ่อน
ไหมพันธุ์ไทยพื้นเมืองจะมีสีเหลืองจัด
ไหมญี่ปุ่น เกาหลี จะมีสีขาว
พันธุ์ที่มีสีเขียวมาจากจีน
ซึ่งใช้สำหรับในงานปัก
ไหมพันธุ์พื้นเมือง
เมื่อฟอกเอากาวออกแล้ว ยังคงมีสีขาวนวลต้องเอาไปฟอกขาวจึงจะย้อมสีอ่อนๆ ได้ดี ข้อดีของไหมพันธุ์ไทยก็คือ เส้นใยจะมีความเงามันกว่าไหมพันธุ์อื่น เป็นพันธุ์ที่มีความต้านทานโรคดีกว่า แต่ใยมีความยาวแต่ละรังเพียง 400 – 450
เมตร
ในขณะที่ญี่ปุ่นจะยาวถึง 1,000 กว่าเมตร และพันธุ์ผสมระหว่างไทยญี่ปุ่น – ไทย – อิตาลี
จะมีความยาวกว่า 800 เมตรขึ้นไป
วัฏจักรของตัวไหม หม่อน (Bombyx
Mori) จะเริ่มจากไข่
– หนอน –
ดักแด้ –
ผีเสื้อ – ไข่
ทั้งหมดจะกินเวลา 30 – 50 กว่าวัน ในช่วงอายุหนอน
ซึ่งออกจากไข่จะมีขนาดเท่าเส้นด้ายยาว 3 มิลลิเมตร จะลอกคราบ 4
ครั้ง จึงจะเป็นหนอนเต็มวัย ซึ่งมีความยาวถึง 9 มิลลิเมตร
จึงจะเริ่มปั่นใยเพื่อเข้าดักแด้และจะเปลี่ยนสภาพออกมาเป็นผีเสื้อเพื่อผสมพันธุ์วางไข่ แล้วก็ตาย เป็นดังนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นไหมพันธุ์ใดก็ตาม
เมื่อต้องการผลิตเอาเส้นใย จำเป็นต้องฆ่าดักแด้ให้ตายเพื่อป้องกันไม่ให้ดักแด้ที่กลายเป็นผีเสื้อกัดเจาะรังออกมาทำให้เส้นใยจากรังนั้นๆ
สาวไม่ได้
ปัจจุบันปัญหาที่เกิดจากการตลาดของการซื้อขายรังไหมมีน้อย แต่เนื่องจากราคารังไหมค่อนข้างสูงและคงตัว
ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกันมาก
ซึ่งทางรัฐบาลและภาคเอกชนช่วยให้การส่งเสริมจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทำให้มีการขยายตัวได้เร็วขึ้น
ผ้าไหมไทยเป็นผ้าที่สาวมือ
ทอมือ ทั้งด้ายยืนและด้ายพุ่ง หรือสาวมือเฉพาะด้ายพุ่ง ทำให้ผ้าที่ผลิตขึ้นมีความสวยงามเฉพาะตัว ไม่เหมือนไหมชาติอื่น เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซึ่งปัจจุบันงานผลิตผ้าไหมจะทำด้วยเครื่องจักรแทบทั้งหมด ผู้ซื้อจะต้องรู้จักเลือกซื้อ แต่ผ้าไหมไทยที่เนื้อแน่น ซึ่งเมื่อตัดเย็บแล้ว จะดูแลรักษาให้คงความสวยงามได้นาน ผ้าไหมที่ราคาถูกมักจะเนื้อห่าง คุณภาพของสีย้อมต่ำ เมื่อนำไปตัดเย็บและสวมใส่ เนื้อผ้าตรงตะเข็บจะแยกจากกัน และไม่สามารถแก้ไขได้นอกจากรองใน ใช้ผ้าอื่นมาซับตายทั้งตัว ซึ่งถ้าเย็บไม่ชำนาญจะทำให้ตะเข็บย่น และในกรณีที่คุณภาพสีย้อมต่ำ จะทำให้สีตก ซีด จาง ได้ง่าย แม้จะซักแห้ง
ในการตัดเย็บผ้าไหม ควรจะต้องนำไปอบด้วยไอน้ำให้อยู่ตัว อาจทำได้เองที่บ้าน โดยการพรมน้ำให้ชุ่มใส่ถุงพลาสติกที่ทึบแสงสีดำ นำไปตากแดดให้ร้อนซักครึ่งชั่วโมง หรือใส่ในถุงพลาสติกใสใส่กาละ มังปิดฝาด้วยภาชนะทึบแสงตากแดดไว้ในเวลาเท่ากัน แล้วนำมาทิ้งไว้ให้เย็น เอาออกจากถุงรีดให้เรียบ
สำหรับผ้าชั้นในซับตายก็จะต้องผ่านการทำให้หดน้ำเช่นกัน
ในการตัดเย็บจะต้องตรวจสอบรายการวัดตัวเผื่อเย็บให้ถูกต้องที่สุด ทางที่ดีในเสื้อผ้าที่สวมใส่พอดีตัว ควรเนาและลองตัวให้พอเหมาะเสียก่อนจึงเย็บตะเข็บจริง
ถ้าหากมีการแก้ไขเผื่อขยายออกจะไม่สามารถแก้รอยตะเข็บเดิมได้
วิธีซักรีดผ้าไหมไทย
การใส่เสื้อผ้าไหมไม่ควรปล่อยให้สกปรกมากเกินไป มิฉะนั้นจะซักออกยาก ถ้าหากมีเหงื่อไคลออกมาก
เมื่อกลับมาถึงควรจะซักน้ำบริเวณที่ขี้เหงื่อไคลออกให้หมดแล้วผึ่งให้แห้ง จากนั้นอาจเก็บรวบรวมไว้ซักรวมกับผ้าอื่นได้ ถ้าผ้าเปื้อนควรรีบขจัดรอยเปื้อนทันที ผ้าที่ควรซักแห้งมี ผ้ายกดิ้นเงินดิ้นทอง ผ้าพิมพ์ลวดลาย ผ้าไหมสีสดและเนคไท
การซักน้ำ
ควรใช้น้ำยาที่เป็นด่างอ่อนกับน้ำอุ่นผสมตามสูตรของแต่ละชนิด ซึ่งใช้กับผ้าไหมได้ อย่าแช่ผ้าทิ้งไว้ ควรใช้แปรงขนอ่อนถูเบาๆ
บริเวณที่เปรอะเปื้อนแล้วล้างน้ำหลายๆ ครั้ง
จนสะอาด บีบน้ำพอหมาด
วางลงบนผ้าขนหนูที่สะอาดแล้วม้วนผ้าขนหนู
เพื่อซับน้ำจากผ้าไหมจนหมาด
นำไปรีดด้านในด้วยไฟร้อนปานกลาง
ถ้ารีดด้านนอกควรมีผ้าขาวบางรองเตารีด
เพื่อกันไม่ให้สีเปลี่ยน
ถ้าต้องการเก็บไว้โดยยังไม่รีด
ควรใส่บนไม้แขวน ผึ่งในที่ร่มมีลมโกรกจนแห้ง ควรเก็บทันทีที่แห้งสนิท ถ้าเป็นผ้าสีควรเก็บในที่ที่ไม่ถูกแสง เมื่อรีดควรพรมน้ำให้ทั่ว ใส่ไว้ในถุงพลาสติกสักครึ่งชั่วโมง หรือนำถุงพลาสติกนี้ใส่ในตู้เย็บสัก 10 – 15 นาที
จึงค่อยนำไปรีด ถ้ารีดทันทีจะทำให้ผ้าด่างไม่เรียบเสมอกัน เนื่องจากผ้ายังดูดน้ำไม่ทั่ว
ในการซักด้วยเครื่องไม่ควรซักและทำให้แห้งด้วยเครื่องแบบแกนหมุน
การเก็บรักษาผ้าไหม เมื่อไม่ใช้เป็นเวลานาน ควรเก็บพับใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก เพื่อกันแมลงสาบและตัวสามง่ามเข้าไปกัดกิน
เมื่อผ้าเปรอะเปื้อนควรรีบซักทันทีอย่าทิ้งไว้นาน หากชื้นจะเกิดเชื้อราได้ง่าย แมลงชอบมากัดกิน โดยเฉพาะผ้าไหมเนื้อบาง ควรดูแลรักษามากกว่าผ้าไหมเนื้อหนา
Subscribe to:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น