11 มีนาคม 2557
นอกจากอาหารและการอบรมแล้ว
เสื้อผ้ามีอิทธิพลต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และพัฒนาการของเด็กมากทีเดียว ในปัจจุบันมีผู้ผลิตเสื้อผ้าเด็กออกจำหน่ายทั่วไป
ผู้ผลิตบางรายผลิตเสื้อผ้าเด็กจากผ้าที่ไม่เหมาะสมและอาจเป็นอันตราย
ทำให้ระคายผิว เกิดผื่นคัน หรือผ้าบางอย่างติดไฟง่าย
และเมื่อติดไฟแล้วลุกเป็นเปลวและเยิ้มเหลวติดเนื้อเด็ก
มาตรฐานของเสื้อเด็กอ่อน คือ
เป็นเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา รักษาอุณหภูมิของร่างกายได้สม่ำเสมอ
และระบายอากาศได้ดี ชนิดของผ้าอ่อนนุ่ม
ซักรีดได้ ต้มได้ ผ้าฝ้ายมีคุณสมบัติเหล่านี้ อาจติดไฟได้แต่ไม่เป็นอันตรายมากเท่ากับใยสังเคราะห์
แบบเสื้อเด็กควรสวมใส่และถอดออกได้ง่าย
เด็กอ่อนมักใช้แบบผ่าตลอดด้านหลัง เพราะเด็กมักนอนคว่ำอยู่เสมอ
และแขนเด็กดัดไปด้านข้างหรือด้านหลังได้น้อย
ไม่ควรเป็นแบบสวมทางศรีษะเพราะยุ่งยาก และเส้นใยอาจหลุดเข้าตาเข้าจมูกได้
เสื้อมีความหลวมพอสมควร ให้เด็กเคลื่อนไหวได้สะดวก
วงแขนกว้างพอที่จะสอดแขนเข้าได้ง่าย
ตะเข็บเสื้อเด็ก
ต้องประณีตเรียบร้อย ตะเข็บแบนเรียบ ไม่มีขุยผ้าลุ่ยออกมา ติดเครื่องเกาะเกี่ยวที่สะดวกและไม่เจ็บ
หลีกเลี่ยงการติดกระดุมที่ด้านหน้า ไม่ติดระบายรุงรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ไม่ควรมีลูกไม้ระบายที่รอบคอและรอบแขน
เสื้อผ้าที่จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนควรเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนกำหนดคลอดประมาณ
1 เดือนเป็นอย่างน้อย และควรมี
ผ้าปูที่นอน 2 – 3 ผืน
ผ้ารองที่นอน 2 ผืน
ผ้าปูกันเปียก (ผ้ายาง หรือ
พลาสติก) 2 ผืน
ผ้าอ้อมขนาดใหญ่ 1 ผืน
ผ้าอ้อมสำหรับนุ่งให้เด็ก 2
- 3 ผืน
ผ้าขนหนูเช็ดตัว 2 ผืน
ผ้าห่ม 2
- 3 ผืน
เสื้อผ้าบาง 3
- 4 ผืน
เสื้อและกางเกงขายาวสำหรับอากาศหนาว
2 - 3 ผืน
นอกจากนี้ก็มีรายการเสื้อผ้าที่ไม่ใช้บ่อยนัก
เช่น หมวก ถุงเท้า กางเกงกันเปียก ผ้ากันน้ำลาย ถุงมือ
เหล่านี้ยังไม่ต้องเตรียมก็ได้
ควรซื้อเสื้อผ้าเด็กแต่น้อยก่อน แล้วจึงซื้อเพิ่มเมื่อเด็กโตแล้ว นอกจากนั้นของขวัญจากญาติมิตร โดยมากมักเป็นเสื้อผ้า
เพียงพอที่จะใช้ได้จนเด็กโต เคยเห็นเพื่อนบางกลุ่มรวมกันจัดหาของขวัญที่ทราบว่าเป็นที่ต้องการ
เช่น ที่นอน อ่างอาบน้ำเด็ก ผ้าอ้อม ฯลฯ ทำให้ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นๆ เต็มที่
เด็กที่เกิดฤดูต่างกันต้องการเสื้อผ้าต่างกัน เด็กที่เกิดในหน้าร้อน
ต้องการเสื้อผ้าน้อยกว่าเด็กที่เกิดหน้าหนาว
ผ้าอ้อมในหน้าฝนแห้งช้ากว่าหน้าร้อนและหน้าหนาว
จึงควรเตรียมไว้มากหน่อย การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศ
ความอบอุ่นในบ้าน อายุและสุขภาพของเด็กตลอดจนความสะอาดในการซักรีด จะช่วยให้เด็กมีสุขภาพดี และเราได้ใช้เงิน เวลา และแรงงานอย่างคุ้มค่า
ผ้าปูที่นอน ควรเป็นผ้าเนื้อแน่น
ผิวเรียบ ไม่ขึ้นขุย เมื่อใช้ไปนานๆ อาจตัดจากผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ที่ชำรุดแล้ว
หรือซื้อผ้าลวดลายสำหรับเด็กมาทำผ้าปูที่นอนกว้าง 45 นิ้ว ยาว 70 นิ้ว
ใช้สำหรับที่นอนมาตรฐาน ขนาด 28 นิ้ว คูณ 52 นิ้ว หนา 4 นิ้ว (เด็กนอนได้ถึง 6 ขวบ)
ถ้าใช้ที่นอนขนาดอื่น ก็กะผ้าเผื่อไว้ทุกด้านเท่ากับความหนาของที่นอน
บวกด้วยส่วนที่จะพับสอดไปใต้ที่นอนอีก 4 นิ้ว เช่น ที่นอนขนาด 22” x 40”
หนา
2” ใช้ผ้าปูกว้าง 34 นิ้ว ยาว 52 นิ้ว อาจเย็บมุมให้พอดีกับที่นอน
จะทำให้ปูได้ง่ายขึ้น
เพื่อป้องกันที่นอนเปียก
ควรใช้ผ้ารองที่นอนปูเสียชั้นหนึ่งก่อนปูผ้าปูที่นอน ผ้ารองที่นอนนี้อาจซื้อสำเร็จรูป เป็นผ้าสำลีฉาบพลาสติก
(อย่างผ้าปูโต๊ะบางชนิด) หรืออาจทำเองได้โดยใช้ผ้าฝ้ายเนื้อหนา
หรือผ้าปูที่นอนเก่า ทบกัน 2-3 ชั้น
เย็บริมให้ติดกันแล้วเย็บตรึงเป็นช่วงๆ อย่างเย็บผ้านวม
เด็กบางคนเป็นเม็ดผื่นไปทั้งตัว พบสาเหตุว่าแพ้ที่นอนฟองน้ำ
และผ้าปูที่นอนซึ่งเป็นเส้นใยผสม
จึงใช้ผ้ารองที่นอนที่ทำจากผ้าฝ้าย และใช้ผ้าปูเป็นผ้าฝ้ายล้วนจึงหายคันได้
เมื่อปูที่นอนแล้วใช้ผ้าพลาสติกหรือที่เรียกกันว่าผ้ายาง
ปูตรงกลางที่นอน เพื่อรองรับเวลาเด็กทำเปียก แล้วจึงใช้ผ้าอ้อมขนาดใหญ่ 22” x 44”
ปูทับอีกชั้น
ผ้าอ้อมสำหรับนุ่งให้เด็ก ควรทำจากผ้าฝ้ายเนื้อโปร่งบาง เช่น ผ้าสาลู
หลีกเลี่ยงผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ เพราะนอกจากทำให้เด็กเกิดผื่นคันแล้ว
ยังติดไฟง่าย อาจเป็นอันตรายร้ายแรง
ผ้าพันท้อง ทำให้เด็กท้องอบอุ่น และไม่ปวดท้อง ใช้แต่แรกเกิด จนถึงสะดือหลุด (อาทิตย์ที่สอง
หรือ มากน้อยกว่านั้นนิดหน่อย) เวลาใช้
จะมีส่วนที่มีเชือกผูก 3 ป้องอยู่ด้านนอก ผ้า 2 ชิ้นพันทบกันด้านหน้า
ทำให้มีความหนา
ผ้ากันเปียก
เสื้อผ้าพิเศษสำหรับเด็กอ่อน
ข้างนอกเป็นพลาสติกทำให้อับชื้น
ใช้เวลามีการเดินทางนานๆ อาจเป็นกางเกงซับอีกชั้น แต่ปัจจุบัน ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสะดวกที่สุด
ตะเข็บสำหรับเสื้อผ้าเด็กอ่อน
ต้องเรียบเนียน เล็ก และ แบน ได้แก่ ตะเข็บเข้าถ้ำ ตะเข็บกุ้นเล็กๆ และ
การพับริมเล็กๆ ไม่ควรใช้ตะเข็บพ้งที่มีขอบลุ่ย
หรือตะเข็บซิกแซกม้วนริม หรือติดริมลูกไม้รุงรัง บริเวณที่จะสัมผัสกับผิวอ่อนๆ
ของเด็ก เช่น รอบคอ รอบวงแขน เพราะจะระคายผิว
Subscribe to:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น